โคโรนาไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 

ไวรัสโคโรน่าเป็นไวรัสที่จัดอยู่ในวงศ์ใหญ่ที่สุดในบรรดาไวรัสที่พบในทั้งสัตว์และคน ไวรัสโคโรน่ายังเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเจ็บป่วยต่าง ตั้งแต่โรคหวัดธรรมดาจนถึงโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยอย่างรุนแรง เช่น โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS-CoV) และ โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง  (SARS-CoV)

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID- 19 นี้จะมีอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยจะแสดงอาการตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อย ได้แก่ คัดจมูก เจ็บคอ ไอ และมีไข้ โดยในบางรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการปอดบวมหรือหายใจลำบากร่วมด้วย บางรายเสียชีวิตได้แต่พบไม่บ่อยนัก แต่หากผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว 

ไวรัสแพร่ขยายได้อย่างไร?

ผู้เชี่ยวชาญทางโคโรนาไวรัสมีความเห็นว่าเป็นไปได้ที่ COVID-19 อาจจะเริ่มต้นที่ค้างคาวในประเทศจีน  และแพร่ขยายไปยังสัตว์อีกพันธุ์หนึ่ง (ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักต่อจากนั้นก็แพร่ขยายติดต่อถึงผู้คนที่เข้าใกล้ชิดสัตว์เหล่านั้น   มีความเห็นว่าไวรัสนี้ปรับตัวเข้ากับมนุษย์   และในขณะนี้ที่แพร่ขยายออกเป็นส่วนใหญ่คือจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง

สายพันธุ์โคโรนาไวรัสในมนุษย์ตามปกติแล้วแพร่ขยายจากผู้ที่ติดเชื้อไปยังอีกคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิด  โดยทางละอองที่มีเชื้อโรค  แพร่ออกโดยการไอหรือจาม  หรือโดยการสัมผัสมือที่ติดเชื้อโรค

COVID-19 คืออะไร  COVID-19 ย่อมาจาก CO แทน Corona, VI แทน Virus, D แทน Disease และ 19 แทนปีที่เกิดการระบาดปี 2019 เป็นชื่อที่ องค์การอนามัยโลกตั้งชื่อขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดรอยมลทิน กันประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของการระบาด ของเชื้อไวรัสชนิดนี้ เชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่นี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนมาก่อน เป็นไวรัสที่แพร่ระบาดมาจากสัตว์ จากการตรวจล่าสุด เชื้อไวรัสชนิดนี้ สามารถแพร่กระจาย จากคนสู่คนได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อาการของ COVID-19 ถ้าเกิดว่าติดเชื้อไวรัส COVID-19 จะมีระยะในการฟักตัวประมาณ 2-14 วัน ซึ่งในช่วงเวลานี้ สามารถแพร่กระจายโรคได้ แม้อยู่ในระยะฟักตัวถึงแม้จะไม่มีอาการใดๆ แสดงออกมาเลย โดยผู้ป่วย 1 ราย สามารถแพร่กระจายเชื้อให้กับคนอื่นได้เฉลี่ย 2-4 คน ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของประชากร และ สภาพอากาศ สำหรับอาการ มีดังนี้ มีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล คัดจมูก หายใจแล้วมีอาการเหนื่อยแน่นหน้าอก เมื่อยเนื้อ เมื่อยตัวปวดหัว อ่อนเพลีย ท้องเสีย อาเจียน

ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้  ผู้ที่อาจเคยติดต่อกับผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อจึงถูกขอให้แยกตัวอยู่ตามลำพังเป็นเวลา 14 วัน

ยาปฏิชีวนะสามารถป้องกันไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่และรักษาอาการเจ็บป่วยได้หรือไม่

ไม่ได้ ยาปฏิชีวนะไม่สามารถใช้ป้องกันรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสได้ ยาปฏิชีวนะใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น

เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงนำยาปฏิชีวนะมาใช้ในการป้องกันหรือรักษาไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หากเราเข้ารับการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในโรงพยาบาล เราอาจได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย

แล้วใครที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงบ้าง ?

มีความเสี่ยงทุกคน แค่ผู้ที่จะมีความรุ่นแรงและความเสี่ยงสูงคือ ผู้สูงอายุ และ เด็ก

จาการวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า NK Cell (Natural Killer Cell) คือเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย พบได้เพียง 15% ของจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟ มีหน้าที่สำคัญในการทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสและเซลล์มะเร็ง โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกระตุ้นและการเรียนรู้ต่อเซลล์ที่ผิดปกตินั้น (Antigen Stimulation) ซึ่ง NK Cell ถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญ ต่อความสามารถในการต่อสู้กับเซลล์แปลกปลอมต่างๆ อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่อร่างกาย


ระบบภูมิคุ้มกัน จึงเป็นหนึ่งในกลไกหลัก ที่มีส่วนสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยที่มี NK Cell เป็นบทบาทสำคัญ ที่เปรียบเสมือนด่านแรกของระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส COVID-19 ดังนั้น การให้ความสำคัญกับ การเสริมสร้าง และ การเพิ่มประสิทธิภาพ ของ NK Cell จึงเป็นตัวเลือกที่มีประสิทธิถาพ ในการเพิ่มความสามารถในการทำลายเชื้อไวรัส COVID-19

ร่างกายเราสร้าง NK Cell (Natural Killer Cell) ได้เองหรือไม่?

โดยปกติแล้ว NK Cell ในร่างกายของคนทั่วไป จะค่อยๆลดลงเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ NK Cell มีความสามารถในการทำงานลดลง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ, การออกกำลังกายไม่สม่ำเสมอ, รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หรือมีภาวะความเครียดสะสม ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของ NK Cell ลดลงครับ


ดังนั้น การดูแลเอาใจใส่ในการเพิ่มประสิทธิภาพของ NK Cell ถือเป็นเรื่องสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพภูมิต้านทานของร่างกาย ซึ่งการดูแล ปรับปรุง และเสริมภูมิต้านทาน NK Cell มีอยู่หลายเป็นวิธีด้วยกัน อาทิ

1. การรับประทานอาหารที่หลากหลายครบหมู่

2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอพักผ่อนให้เพียงพอ

3. รับประทานอาหารที่มีผลต่อ NK Cell ได้แก่ อาหารที่มีเบต้าแคโรตีน วิตามินซี และวิตามินอี อาหารจำพวกเห็ด รวมทั้งรับประทานอาหารเสริมที่มีผลต่อการเพิ่มภูมิคุ้มกัน

4. ปล่อยวางความเครียดและคอยหมั่นสังเกตร่างกายตัวเอง

5. เพิ่มภูมิคุ้มกัน ด้วยวิธีภูมิคุ้มกันบำบัด

ทั้งนี้ วิธีดังกล่าวนั้น จะช่วยให้ร่างกายของผู้ที่มีค่า NK Cell ต่ำกว่าปกติ กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง และเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแกร่งในการช่วยป้องกันและกำจัดเชื้อโรคได้เป็นอย่างดีครับ

AFA สามารถช่วยให้ร่างกายผลิต NK Cells เพิ่มขึ้น ซึ่ง NK Cellsนี้คือ เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่สามารถทําลายล้างเซลล์มะเร็ง และไวรัสต่างๆได้ดีกว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวทั่วไปกว่า 100 เท่า

AFA ทํางานด้วยหลักการเซลล์ซ่อมเซลล์ด้วยเซลล์ตัวเอง ซึ่งมีความปลอดภัย AFA เป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ําเงินสกัด 100c/o สามารถละลายในน้ํา และไม่มีสีติดค้าง และรสชาติเป็นรสของสาหร่ายแท้ๆ AFA เป็นที่ยอมรับ และถูกตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ AFA มีคุณสมบัติสามารถกระตุ้นไขกระดูกให้ผลิตสเต็มเซลล์เพิ่มขึ้นได้และสเต็มเซลล์นี้สามารถนําไปใช้บําบัด และฟื้นฟูผู้ป่วยให้สุขภาพดีขึ้น AFA จึงเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ที่ต้องการดูแลตนเองหรือผู้ที่เจ็บป่วยจากโรคต่างๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคข้อ

เสื่อม โรคภูมิแพ้โรคไมเกรน และโรคอื่นๆอีกมากมาย และ ผู้ที่ต้องการสารอาหารครบถ้วน ด้วยคุณค่าของสารอาหารที่สมบูรณ์ใน AFA

Nutrich (นูทริชผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง เวย์โปรตีน คอนเซนเตรต   คอลลาเจน

เห็นชิตาเกะ  มีสารเลนทิแนน (lentinan)  หรือ  เบต้า-กลูแคน (Beta Glucan) และ โพลีแซคคาไรด์ (polysaccharide)  ที่พบมากใน  Mycelium  มีประโยชน์ต่อการกร